วันเสาร์ที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2557

หลังจากการผ่าตัด "ฝีคัณฑสูตร" (Fistula in ano) กับ ศ.ดร.อรุณ โรจนสกุล มาแล้ว 5 เดือน

ก่อนอื่นขออภัยที่ไม่ได้เข้ามาเขียนเพิ่มเติมมาหลายเดือนครับ พอดีติดงานเยอะมากและต้องเดินทางไปต่างประเทศ วันนี้นั่งชิวๆเลยมาเขียนบทความเพิ่มเติมต่อจากคราวที่แล้วครับ

หลังจากผ่าตัด 1 สัปดาห์
ุถึงแผลจะสดอยู่แต่อาการดีขึ้นเยอะมาก สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้เกือบปรกติ สามารถไปทำงานได้ โดยเวลานั่งทำงานต้องใช้หมอนโดนัท แนะนำใช้หมอนโดนัทใหญ่ๆเหมือนคนท้องจะดีมากครับ (ผมค้นหาจาก google ว่าหมอนโดนัท สำหรับคนท้องครับ) แต่เนื่องจากแผลของผมอยู่ตรงกลางรูทวารบริเวณฝีเย็บพอดี ทำให้เวลานั่ง ลุก ยืน แผลจะปริ และมีเลือดไหล ดังนั้นต้องใส่ผ้าอนามัยไว้ครับ (ทำให้เข้าใจผู้หญิงเวลามี ปจด. เลย) ต้องเปลี่ยนผ้าอนามัยทุก 2 ช.ม. เพื่อป้องกันการติดเชื้อ 

ส่วนการขับถ่ายสำหรับ 7 วันแรก เจ็บมากครับ แต่สามารถขับถ่ายได้ปรกติ แล้วล้างด้วยน้ำประปาธรรมดาตามที่คุณหมอบอกมา แล้วพัดลมเป่าให้ก้นแห้งก็ใช้ได้ครับ 

หลังจากผ่าตัด 1 เดือน 
แผลเรื่อมติดกันแล้ว และแห้งแบบไม่มีสะเก็ดเพราะยังมีหนองไหลอยู่ ช่วงนี้ระวังอย่าใจร้อน อย่าเอาเบตาดีน หรือยาฆ่าเชื้อไปเช็ด เพราะจะทำให้เนื้อเยื่ออ่อนๆตายไปแล้วจะไปขัดจังหวะขบวนการหายของแผล ซึ่งอาจจะทำให้ร่างกายอาจจะหยุดขบวนการหายของแผล ทำให้แผลหายช้าลงไปเป็นเท่าตัว ควรพยายามซับหนองที่ไหลให้แห้งเสมอ ผมใช้วิธีเอาทิชชู่ซับน้ำมันรองก่อนใส่กางเกงใน แล้วเปลี่ยนทุก 2-3 ช.ม. เวลาทำงานเข้าห้องน้ำบ่อยหน่อยไม่ต้องอายครับ เพราะถ้าอายเราติดเชื้อคนอื่นไม่ได้มาติดเชื้อกับเราด้วยครับ

เวลาเดินทางขึ้นเครื่องบินสามารถนั่งได้ปรกติ ผมใช้วิธีเดินไปห้องน้ำบ่อยๆ นั่งริมทางเดินจะได้ลุกง่ายๆ แล้วพยายามเตรียมทิชชูซับน้ำมันที่ใช้ในครับไปด้วย เอาไว้เช็ดหนองที่ไหลออกมา ไม่ให้มีกลิ่นและติดเชื้อได้ และเปลี่ยนผ้าอนามัยก่อนขึ้นเครื่อง, ตอนอยู่บนเครื่อง และตอนลงเครื่อง ครับ ตอนที่เครื่อง takeoff จะมีอาการเสียวๆเจ็บๆที่แผลไม่รู้เพราะว่ากล้ามเนื้อบีบตัวหรืออย่างไรนะครับ แต่ตอนเครื่อง landing ไม่มีอาการอะไรครับ

ด้วยความอยากรู้ว่าแผลติดหรือยัง อาจจะดูทุเรศนิดหน่อนนะครับ ผมนั่งยองๆแล้วใช้กล้องเปิด flash ถ่ายทุกวัน เพื่อดูว่าลักษณะแผลเป็นอย่างไรครับ ทำให้ทราบว่าแผลมีหนองมากน้อยขนาดไหน หากวันไหนหนองเยอะแสดงว่าเรายังทำความสะอาดไม่ดีพอ

คุณหมอก็นัดตรวจ ผมไปตรวจตามนัด คุณหมอให้นอนตะแคงกอดเข่า เพื่อให้ก้นเปิด พอดีผมคนอ้วนเลยต้องกอดเข่าแน่นๆ จะได้ให้คุณหมอเห็นชัดเจน เมื่อคุณหมอใส่ถุงมือเอานิ้วแยงดู ปรากฎว่าเจ็บแล้วเลือดออก เพราะว่าแผลของผมเป็นบริเวณตรงกลางฝีเย็บพอดี ทำให้แผลติดกันยากและปริง่ายต้องใช้เวลา ส่วนยาหมอไม่ได้ให้อะไรเพิ่มเติมแล้วครับ

หลังจากผ่าตัด 2 เดือน
ตอนนี้แผลหายเยอะแล้วเกือบปรกติ แต่เวลาถ่ายเยอะหรือท้องผูก จะมีเลือดไหลและแสบได้ครับ แนะนำว่าให้กินมะขามช่วยให้การถ่ายไม่เจ็บมากครับ มีวันหนึ่งขณะกำลังล้างก้นผมคลำเจอด้ายโผล่ออกมาพอเขี่ยๆหน่อยก็เปื่อยหลุดออกมา แสดงว่าไหมละลายคงมีอายุประมาณ 2 เดือน และคงละลายหลุดออกมาครับ เวลานั่งเครื่องไม่มีอาการเจ็บแผลแล้วครับ แต่ยังคงเช็ดหนองปรกติครับ

คุณหมอนัดตรวจคราวนี้ ก็เอานิ้วแยงเหมือนเดิม หมอบอกว่าแผลดีขึ้นเยอะไม่มีติดเชื้อ แต่เนื่องจากแผลผมอยู่บริเวณที่ติดยาก แผลยังอ่อนแออยู่พยายามอย่าให้แผลปริครับ หมอเลยนัดดูอีกครั้งหนึ่งครับ

หลังจากผ่าตัด 3 เดือน
ไม่มีเลือดไหลแล้ว หนองหายไปหมด แต่เวลาไปเล่นเวท ยกท่าสควอท์ ยังมีอาการเจ็บที่แผล เลยต้องงดการเล่นท่าที่ไปกระทบกับแผลก่อน เล่นเวทที่อก ไหล่ หลัง แทน งดเล่นที่ต้นขา ท้อง เพราะมันกระทบกับแผล การถ่ายยังคงเดิม คือหากท้องผูกจะเจ็บมาก ต้องระวังเรื่องท้องผูกอยู่

คุณหมดนักตรวจรอบนี้บอกว่าแผลหายแล้ว หมอเลยทดสอบความแข็งแรงของแผลโดยเอานิ้วแยงแล้วดันแผลออกมา ปรากฎว่าเจ็บมาก และมีเลือดไหลอยู่ คุณหมอบอกว่าแผลยังไม่แข็งแรง อาจจะต้องใช้เวลาครึ่งปีกว่าจะหายดีครับ

หลังจากผ่าตัด 4 เดือน
แผลหายเป็นปรกติ ไม่ว่าจะถ่ายแข็ง หรือว่าออกกำลังกายก็ไม่มีอาการเจ็บแล้ว เนื้อปิดสนิทครับ

หวังว่าประสบการณ์ของผมจะช่วยให้คนที่กลัว หรือว่าลังเลที่จะผ่าตัด ได้เข้าใจข้อมูลและตัดสินใจง่ายขึ้นนะครับ ถ้ามีเวลาผมจะพยายามเข้ามาตอบ